ถ้าคุณกำลังประสบปัญหาพูดกับลูกไม่รู้เรื่อง พูดอย่าง..ลูกทำอย่าง ยิ่งคุณมีความเชื่อว่า ลูกต้องเชื่อฟังเราเสมอ ยิ่งทำให้เกิดการต่อต้านลึก ๆ ในใจของลูก
เรามี 3 วิธีง่าย ๆ ให้ผู้อ่านได้ฝึกฝนเพื่อสื่อสารกับลูกของคุณให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นครับ
ดูรูปถ่ายลูกของคุณ แล้วย้อนกลับไปสู่ความรู้สึกที่ได้เห็นใบหน้าของเขาเป็นครั้งแรก
พูดกับรูปถ่ายลูกของคุณ
หาเวลาอยู่คนเดียวในห้อง ค้นหารูปของลูกในตอนที่คุณรู้สึกว่าเขาน่ารักที่สุด นำมาถือในมือ…จ้องมองลูกในรูปภาพของคุณด้วยความรู้สึกรักอย่างซาบซึ้ง
ราวกับว่า…คุณได้กลับไปในช่วงเวลาที่เห็นหน้าเขาเป็นครั้งแรก
จากนั้น…ให้พูดกับลูกของคุณผ่านรูปถ่ายนั้น บอกว่า…ลูกมีคุณค่าต่อชีวิตของคุณแค่ไหน
เรารู้สึกรักลูกของเรามหาศาลเพียงใด
พูดจากหัวใจและความรู้สึกอันแท้จริง ฝึกพูดไปเรื่อย ๆ เกิน 7 วัน คุณจะเข้าถึงหัวใจที่อ่อนโยนและการสื่อสารกับลูกจะดีขึ้น
กอด เป็นการบอกรักที่ดีที่สุด
กอดและบอกรัก
ปัญหาความก้าวร้าวของเด็กส่วนมากเกิดขึ้นเพราะพ่อ แม่ ไม่เคยกอดและบอกรัก พอสืบสาวราวเรื่องก็พบว่า คุณปู่ ย่า ตา ยาย ก็ไม่เคยกอดคุณพ่อ คุณแม่ในวัยเด็กมาก่อน
เราพูดว่า รัก แต่น้อยคนจะเข้าถึงความรักอย่างแท้จริง คือความรู้สึกถึงความรัก…ที่สัมผัสเป็นไออุ่นอยู่ภายใน
อาจารย์สถิตธรรม เพ็ญสุข ย้ำอยู่เสมอว่า เราต้องมีก่อน..ถึงจะให้ผู้อื่นได้
เมื่อคุณกอดลูกบ่อย ๆ ลูกจะสัมผัสได้ถึงความรักและความอบอุ่น มันจะเปลี่ยนให้จิตใจของลูกค่อย ๆ อ่อนโยนขึ้นอย่างน่าทึ่ง
บางคนอาจจะบอกว่า “ฉันไม่ทำหรอก ไม่เคยกอดใคร…เขิน” ก็ต้องถามว่า หากนี่คือวิธีดีที่สุดที่คุณจะสื่อสารกับลูกได้ดีขึ้น ก็ควรเริ่มฝึกที่จะบอกรักและกอดลูกนะครับ
เฝ้ามองความเป็นไปด้วยใจที่เชื่อมั่นว่า ลูกของเราเก่งพอที่จะเรียนรู้และผ่านปัญหานั้นไปให้ได้
ส่งความรู้สึกดี ๆ ให้กำลังใจเมื่อลูกมีปัญหา
แบบฝึกหัดนี้ท้าทายมากที่สุดครับ สมมุติว่าลูกของคุณติดเกม สิ่งที่ควรเข้าใจก็คือ เกมทำให้จิตของลูกมีความสุข และความสุขเป็นการเสพติดทางอารมณ์อย่างหนึ่ง
หากจิตให้ค่าสิ่งใดว่าทำแล้วมีความสุขที่สุด จะเกิดกระบวนการทำซ้ำอัตโนมัติ
การตำหนิ ว่ากล่าวรุนแรงไม่มีผลเปลี่ยนแปลงให้ลูกหยุดเล่นเกมได้เลย เพราะคุณกำลังห้ามในสิ่งที่จิตของลูกเชื่อว่ามันดีและมอบความสุขให้แก่เขามาที่สุด
ลูกของคุณจะเลิกติดเกมได้ก็ต่อเมื่อ คุณสามารถมอบความสุขที่เหนือกว่าที่เกมจะมอบให้ได้ ลูกของคุณจึงจะเลิกติดเกม
คุณต้องให้ความสุขได้มากกว่าเกม ลูกจึงจะเลิกติดเกม
ขั้นแรก ปล่อยให้ลูกของคุณเล่นไปให้เต็มที่ คุณเพียงเข้าไปสัมผัสลูกเบา ๆ แล้วพูดว่า “แม่รักลูกนะ ถ้ามีการบ้านแม่คิดว่าลูกของแม่มีความรับผิดชอบนะ”
แทนที่จะพูดด้านลบ เราปล่อยคำพูดดี ๆ ออกไปต่อสู้กับกระแสด้านลบในใจของเราจะดีกว่า นี่เป็นการฝึกจิตขั้นสูงเลยนะครับ
เราต้องมั่นใจว่าลูกของเรามีศักยภาพและความสามารถที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาด
ลูกอาจจะเล่นเกมจนไม่ทำการบ้านและถูกครูลงโทษ เราอย่าได้พูดซ้ำเติมเวลาเขาทำผิด ให้พูดว่า “แม่มั่นใจว่าลูกของแม่เป็นคนดีและมีความรับผิดชอบ” ฝึกพูดให้ความมั่นใจกับลูก ให้เขารู้สึกว่าเราอยู่เคียงข้างเวลาที่เขาทำผิดพลาด และเขาจะต้องเรียนรู้ที่จะแก้ไขด้วยตนเองโดยมีพ่อ แม่ เคียงข้างให้กำลังใจ
การฝึกพูดให้กำลังใจลูกทั้งที่รู้ว่าลูกทำผิดพลาดเช่นนี้ ถ้าลูกมีความทุกข์ใจและทำผิดพลาด เขาจะกล้าบอกเราในเรื่องที่รู้สึกไม่ดี ทำให้เรามีโอกาสนำประสบการณ์ชีวิตที่เหนือกว่าเข้าไปแนะนำช่วยลูกได้
เชื่อมโยงสายใยรักด้วยความรู้สึกเชื่อมั่น อบอุ่น และให้กำลังใจกันและกันเสมอ
สรุป
ปัญหาที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวและระหว่างมนุษย์ด้วยกันมีปัญหา เพราะเราไม่สามารถสื่อสารกันในระดับเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงได้นั่นเอง
เราไปเชื่อว่าการพูดตำหนิ ติเตียน และการให้เหตุผลว่าควรทำแบบนั้น แบบนี้จะได้ผลดีที่สุด ตรงกันข้าม…มันเข้าไม่ถึงตัวจิตที่จะเปลี่ยนความคิดและการกระทำได้
แต่..การสื่อสารระดับความรู้สึก ผ่านแววตา ภาษากาย อารมณ์เชื่อใจลูกว่าเขามีความสามารถที่จะเรียนรู้ชีวิตและความล้มเหลวได้ เราจะเป็นเพียงผู้สังเกตความเป็นไปของชีวิต คอยกระตุ้นให้เขาทำในสิ่งที่ควรทำ
หากเขายังไม่ทำในสิ่งที่วควรทำหรือต้องทำ พ่อแม่มีหน้าที่ให้กำลังใจและส่งคำพูดดี ๆ บอกว่าเขายอดเยี่ยมสำหรับคุณเสมอ และเราเชื่อมั่นว่าเขาทำได้แน่นอน
เด็กต้องเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาด้วยตนเอง เพื่อสร้างความสำเร็จที่มั่นคงในอนาคต
เมื่อลูกมีปัญหาหรืออุปสรรค เราไม่ควรไปแก้ปัญหาแทนลูก เพราะเขาจะไม่ศรัทธาในตัวเอง ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง ท้ายที่สุดจะเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่ล้มเหลวในชีวิต
ความจริงสูงสุดของชีวิตที่จะทำให้ลูกของคุณแข็งแกร่งและประสบความสำเร็จก็คือ
จงให้ลูกได้เผชิญหน้ากับความผิดหวังและล้มเหลว เพื่อให้เขาได้เรียนรู้วิธีก้าวข้ามความรู้สึกแย่ ๆ ตั้งแต่อายุยังน้อย
คนที่ประสบความสำเร็จ คือคนที่สามารถรับมือและแก้ปัญหาใหญ่ ๆ ได้เก่งที่สุด เขาจำเป็นต้องฝึกฝนการรับมือกับปัญหาตั้งแต่เยาว์วัยโดยมีพ่อและแม่เป็นโค้ชให้นั่นเอง
หากลูกของคุณมีปัญหา ถามว่าใครควรเรียนรู้และฝึกฝนการจูนจิตเหนือสำนึกเป็นคนแรก ก็ต้องบอกว่า คุณพ่อและคุณแม่นั่นแหละ ที่ควรเข้ามาฝึกฝนจิตให้จูนกับจิตเหนือสำนึก เมื่อเราแข็งแรงกว่าลูก จึงจะช่วยเหลือลูกของเราได้อย่างถูกวิธีนั่นเอง
โค้ชโจ้
ภัคพงศ์ ตาตะนันทน์
#สนใจจูนกระแสจิตส่วนตัว เริ่มต้นด้วย
1. ลงทะเบียนเพื่อเข้าพบ อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข ก่อนตัดสินใจโค้ชส่วนตัว โทร. 092-361-5346
2. เจ้าหน้าที่จะโทรกลับเพื่อแจ้งรายละเอียดการเข้าพบ อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข และการโค้ชแบบส่วนตัว
3. รายละเอียดเพิ่มเติมและคอร์สต่างๆ
www.TheMasterCoachAcademy.org
4. แผนที่เส้นทางมาที่สถาบัน The Master Coach Academy
goo.gl/maps/XU94BuGbZkP2