อัตราการเสียชีวิตของนักปีนเขาที่ขึ้นเอเวอเรสต์อยู่ที่ประมาณ 6 คน ใน 100 คนที่ขึ้นไปบนนั้น และในช่วงนี้..มีผู้คนเบียดเสียดกันขึ้นเอเวอเรสต์มากกว่าทุกปี
.
หลายคนได้เห็นคลิปนักปีนเขาต่อแถวกันยาวเหยียดเพื่อขึ้นไปใช้ชีวิตอยู่ ณ จุดสูงสุดของโลกเพียงชั่วเวลาสั้นๆ แต่ทำไมต้องลงทุนแลกด้วยชีวิต เรื่องนี้น่าสนใจครับ
.
.
ภาพผู้หญิงทำงานอย่างตั้งใจ นอกจากงานเสร็จสมบรูณ์แล้ว..ทุกคนปรารถนาสิ่งที่เรียกว่าความสำเร็จ อันที่จริงแล้ว..ถ้าเธอทำงานชิ้นนี้เสร็จ ความสำเร็จก็เกิดขึ้นแล้ว แต่จิตใต้สำนึกของเธอคุ้นเคยกับความสำเร็จเล็กๆน้อยๆแบบนี้จนไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรอีกแล้ว
.
.
ในตอนแรกที่ทำงานออกแบบสิ่งพิมพ์ เธอทำงานเพื่อต้องการเงินมาเลี้ยงตัวและครอบครัว และเมื่อเธอทำได้เก่งขึ้นเรื่อยๆ ฐานะทางการเงินของเธอก็เพิ่มพูนขึ้น แต่วิถีชีวิตของเธอก็ยังคงเหมือนเดิม อยู่ในห้องเล็กๆนั่งออกแบบให้กับลูกค้าไม่กี่คน เธอเกิดคำถามขึ้นว่า…ทำอย่างไรชีวิตจะได้ทำอะไรที่น่าตื่นเต้นและรู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่ามากกว่านี้
.
เอาล่ะ…คราวนี้เธอทำงานได้ดีขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น แต่มันก็ไม่ได้เปลียนแปลงชีวิตและไม่ได้สร้างมุมมองต่อชีวิตให้รู้สึกว่าชีวิตมีค่ามากขึ้นกว่าเดิม มาถึงจุดนี้..เรื่องของเงินและสถานะทางสังคมอาจจะไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตเธออีกแล้ว
.
สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ต้องการคือ โอกาสที่เธอได้ใช้ชีวิตท่ามกลางประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะทำให้รู้สึกตื่นเต้นและชีวิตมีคุณค่ามากกว่านี้ ด้วยการทำสิ่งที่ไม่เคยทำ ทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้เพราะคิดว่าเป็นไปไม่ได้
.
ถ้ามีอะไรสักอย่างที่คนทั้งโลกคิดว่ามันยากเกินไป น้อยคนจะทำได้สำเร็จ…แล้วถ้าเธอทำได้ล่ะ ? แน่นอน เธอย่อมเกิดอารมณ์และความรู้สึกชื่นชมตัวเองและรู้สึกว่าชีวิตมากที่สุด!
ความรู้สึกว่าชีวิตเรามีค่ามากที่สุดเป็นสุดยอดความลับที่จะทำให้ชีวิตเกิดพลังดึงดูดอันมหาศาลเข้ามาสู่ชีวิตแบบก้าวกระโดด
ว่าแล้ว…เธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตเธอเดินทางไปยังสถานที่ซึ่งคนทั่วไปอาจจะไม่รู้จัก หรือมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าที่อื่นๆ (เงินที่จ่ายได้มากกว่าผู้อื่น ทำให้เธอรู้สึกว่าชีวิตมีค่าเพิ่มขึ้น)
.
ในโลกนี้มีสถานท่องเที่ยวและได้ใช้ชีวิตมากมายที่รู้กันเฉพาะในหมู่ของผู้แสวงหา ในกลุ่มเศรษฐีและคนร่ำรวยเท่านั้น แค่เราทำงานหาได้เงินเยอะ ๆ และกล้าใช้เงินเติมเต็มความสุขให้ชีวิต เราสามารถไปใช้ชีวิตในสถานที่เหล่านั้นได้ เพื่อรับอารมณ์และความรู้สึกต่อตัวเองที่ดีขึ้น
.
แต่ ณ จุดหนึ่ง ที่ท่องเที่ยวสายๆ หรูๆ แพงๆ ตอบสนองความพึงพอใจได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น
สำหรับบางคนที่ต้องการได้รับความรู้สึกที่สุดยอดมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนไปถึงจุดที่มนุษย์คนหนึ่งจะให้กับตัวเองได้สูงที่สุด พวกเขาจึงแสวงหาความท้าทายที่จะเพิ่มความรู้สึกตื่นเต้น เร้าใจ ซาบซึ้งกับความมสามารถของตัวเอง..ที่ทำในเรื่องยากที่น้อยคนจะทำได้
เมื่อมองไปทั้งโลก อะไรล่ะที่จะทำให้คนกลุ่มนี้เร้าใจ ท้าทาย และยากที่จะพิชิต..นอกจากเอเวอเรสต์
อย่าลืมนะครับว่า อุปนิสัยของคนที่ประสบความสำเร็จนั้น เขาชอบทำเรื่องยากๆให้ประสบความสำเร็จ ส่วนคนล้มเหลวก็พึงพอใจแค่ทำเรื่องง่ายๆไปตลอดชีวิต
.คนที่ไม่เคยขึ้นไปอยู่บนยอดเขาสูงที่สุดในโลก..เอเวอเรสต์ ไม่มีทางรู้สึกได้ว่าคนที่ขึ้นยืนอยู่บนนั้นรู้สึกอะไร และดีต่อชีวิตในอนาคตอย่างไร นอกเสียจากคุณจะขึ้นไปยืนอยู่ตรงนั้นได้สำเร็จ
.
สรุปว่า..นักปีนเขาทั้งหลายที่ปีนป่ายเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อขึ้นไปสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ พวกเขาไม่ใช่คนที่ทำงานเพื่อเงินอีกต่อไปพวกเขาจึงตัดสินใจปีนเขาเพื่อบรรลุถึงสภาวะความสำเร็จทางอารมณ์ที่น้อยจนจะไปถึง(แต่คนทั้งโลกต้องการอารมณ์นี้เพื่อเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น)
.
มนุษย์ทุกคนแสวงหาการยอมรับและความพึงพอใจที่สูงที่สุดเท่าที่จะหาได้ในโลกนี้
.
การยอมรับที่มีพลังมหาศาลที่สุด! ทำให้เกิดความรู้สึกว่าชีวิตของเราได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างที่น้อยคนจะทำได้
.
อารมณ์และความรู้สึกที่เราได้รับจากการไปยินบนยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สำเร็จ ทำให้เรากล้าที่จะยอมรับให้ความเก่งกาจสามารถของตนเอง ความรู้สึกแบบนี้จะไปปลุกจิตใต้สำนึกให้ตื่นขึ้น หลุดพ้นจากความรู้สึกเดิมๆที่เป็นวังวนของความล้มเหลวซ้ำๆ ตลอดชีวิต
.
อารมณ์แห่งความสำเร็จที่ทรงพลังในแบบของผู้พิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก ทำให้เกิดพลังจิตพุ่งพล่านเหลือประมาณ ช่วยผลักดันและสร้างสรรค์ชีวิตและธุรกิจหรืองานที่ยิ่งใหญ่ให้เติบโตจากจิตภายในที่ทรงพลังดุจเดียวกับพลังของจักรวาลที่ไร้ขีดจำกัด
ถ้าคุณเป็นนักออกแบบ คนทำงานประจำ เจ้าของธุรกิจ..ที่ต้องการพลังใจอันยิ่งใหญ่มาเติมเต็มชีวิตและผลักดันให้ชีวิตก้าวไปสู่อนาคตที่ดีกว่าเดิม..ไปจนถึงผู้ที่ปรารถนาชีวิตที่ยอดเยี่ยมที่สุด
.
ถ้า…พลังงานที่จะกระตุ้นจิตใต้สำนึกแบบนั้นได้..อยู่บนยอดเขาเอเวอเรสต์ คนธรรมดาที่ไม่เคยปีนเขาอย่างเราคงต้องแบ่งเวลาและเงินจำนวนมากเพื่อฝึกปีนเขาจนเป็นผู้เชี่ยวชาญเพื่อไปเอเวอเรสต์
.
คุณต้องจ่ายค่าปีนเอเวอเรสต์อีก 3 แสนกกว่าบาท ไม่รวมค่าเดินทาง ค่าจ้างคนนำทาง ค่าอุปกรณ์กันหนาวและช่วยชีวิต ที่ราคาแพงที่สุดก็คือ ชีวิตของคุณ! ไม่มีบริษัททัวร์ปีนเขาเจ้าใดกล้ารับประกันว่าคุณจะปลอดภัยและรอดชีวิตกลับลง เพื่อใช้อย่างยอดเยี่ยมกว่าเดิม..มันคงยากเกินไปที่คนธรรมดาอย่างเราจะทำได้
.
ทั้งหมดที่เขียนมาก็เพื่อจะบอกว่า…ถ้าคุณเป็นคนในแบบที่เล่ามาทั้งหมด เป็นผู้ปรารถนาความสุขและชีวิตที่ยอดเยี่ยมที่สุดสมกับที่ได้เกิดมาสักครั้งในชีวิตถ้าคุณต้องการพลังมหาศาลเพื่อผลักดันชีวิตให้ไปได้ไกลและดีกว่าเดิม ได้ใช้ชีวิตอย่างที่คิดไม่ถึงว่าจะทำได้ในชาตินี้!
.
อาจารย์สถิตธรรม เพ็ญสุข ค้นพบวิธีการจูนจิต ให้คุณได้สัมผัสอารมณ์ความสำเร็จของจิตที่ไม่แตกต่างจากนักปีนเขาที่ขึ้นไปยืนอยู่บนยอดเอเวอเรสต์ โดยไม่ต้องลำบากและเสี่ยงชีวิตขนาดนั้น
.
มันจะดีกว่ามั้ย? ถ้าเราได้สัมผัสอารมณ์ที่ช่วยผลักดันชีวิตของเราดีขึ้น ยอดเยี่ยมขึ้นและจิตใต้สำนึกยังฉลาดเพิ่มขึ้น(ได้จากการจูนจิต ซึ่งการปีนเขาให้เรื่องความฉลาดของจิตยังไม่ได้) ตอนที่จิตใต้สำนึกฉลาดเพิ่มขึ้นนี่แหละ คุณจะได้รู้วิธีการใช้ชีวิตแบบใหม่ที่ให้ผลลัพธ์ยอดเยี่ยมและทรงพลังกว่าเดิม
.
.
การจูนจิตบนเครื่องบินระหว่างที่อยู่เหนือยอดเขาเอเวอเรสต์ อาจารย์สถิตธรรม เพ็ญสุข จะเชื่อมโยงพลังงานของเอเวอเรสต์ที่ทรงพลังความยิ่งใหญ่ จูนเข้ามาสู่จิตใต้สำนึกของผู้ที่จูนจิตในเครื่องบิน เราจะรู้สึกซาบซึ้งในและปลื้มปีติกับชีวิตในระดับสูงอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน
.
.
ความรู้สึกนี้จะสลายปมในใจที่เคยสะสมไว้นับแต่อดีต ชำระล้างแทนที่ด้วยความรู้สึกยิ่งใหญ่และเข้าถึงคุณค่าของชีวิตอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน
.
เมื่อกลับมาใช้ชีวิตหลังจากจูนจิตเอเวอเรสต์แล้ว สักระยะหนึ่งจะสังเกตว่าความคิดเฉียบคม ได้ออกและคิดอย่างเหนือชั้นกว่าเดิมได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน เรียกได้ว่าสามารถจุดประกายพลังแห่งการสร้างสรรค์ชีวิตได้อย่างใหัศจรรย์ที่สุด
.
อาจารย์สถิตธรรม เพ็ญสุข ครูและโค้ชผู้ค้นพบระบบจิต Mindset และวิธีการใช้ชีวิต
#สักครั้งในชีวิตจูนจิตเอเวอเรสต์ #Originalจูนจิตหนึ่งเดียวในโลก
www.themastercoachacademy.org
ร่วมเดินทางไปกับเราทั้งในแบบคอร์สออนไลน์, จูนจิตเอเวอเรสต์ส่วนตัว, และเดินทางไปจูนจิตกับเอเวอเรสต์ที่ประเทศเนปาล
สอบถามรายละเอียด โทร.092-361-5346