องค์การอนามัยโลกประกาศว่า สภาวะสิ้นหวังเป็นโรคที่ต้องรักษา
Category: บทเรียน หนังสือ
ดูผิวเผินแล้วการที่องค์การอนามัยโลกประกาศว่า สภาวะสิ้นหวังหรือ Burnout เป็นโรคที่ต้องรับการเยียวยา รักษา นั่นหมายความว่า โลกยุคใหม่ยอมรับแล้วว่า กายกับจิตสัมพันธ์กันแนบแน่น เมื่อจิตป่วยขึ้นมาต้องรีบรักษาด่วน ก่อนจะลุกลามทำให้ร่างกายป่วยหนัก
.
ย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อน มีน้องคนหนึ่งมาพบกับอาจารย์ด้วยสภาวะ Burnoutร่างกายแทบไม่รับรู้ความรู้สึกอะไรแล้ว ที่ญาติๆพาน้องท่านนี้มาพบอาจารย์สถิตธรรม เพ็ญสุข เพราะคุณหมอผู้เชี่ยวชาญพูดว่า “ผมรักษาคุณเต็มที่แล้ว เป็นหน้าที่คุณต้องหายาเม็ดสุดท้ายให้เจอ ถ้าคุณหาเจอ…ไม่ต้องมาหาผมอีกเลย”
.
คีย์เวิร์ด ที่ทำให้ญาติพาน้องที่หมดกำลังใจมาพบอาจารย์คือคำว่า แอกซอน กับ นิวรอน เพราะเคยฟังคลิปที่อาจารย์ท่านเล่าว่า การโค้ชจูนจิตของท่านช่วยให้การเชื่อมต่อใยประสาทแห่งความสำเร็จเร็วยิ่งขึ้น
.
หลังจากโค้ชส่วนตัวประมาณ 3-4 ครั้ง พบว่า..น้องคนนี้เกิดความเครียดและกดดันกับการทำงานด้วยความเข้าใจผิดบางเรื่องของจิตใต้สำนึก ซึ่งปัญหานี้ยากที่จะหาผู้ที่จะรักษาได้ ลำพังแค่การรับประทานยานั้น คุณหมอที่รักษาน้องบอกว่า..ทำได้แค่ประคองอาการ จะต้องรักษาด้วยการหายาที่เรียกว่า “ความสุข” ให้เจอเสียก่อน
.
ผู้เขียนยังจำได้ดีตอนที่พบน้องท่านนี้ บอกว่าให้ยิ้ม ก็ไม่เคยยิ้มได้..เพราะไม่รู้ว่าทำไมต้องยิ้ม..ในเมื่อเขาไม่มีความสุขเลย
ถามว่าทำไมไม่มีความสุข ก็นึกไม่ออกว่าทำไม ที่สำคัญน้องเขาออกจากความทุกข์และเครียดไม่ได้ ตื่นมาตอนเช้าก็ปวดหัวและสับสนเสมอ จนกระทั่งผ่านการโค้ชครั้งที่ 4 ไปแล้ว
.
เช้าวันหนึ่งตื่นขึ้นมา จู่ๆรู้สึกมีความสุขขึ้นมาเองโดยไม่ต้องพยายาม น้องรีบวิ่งไปหาคุณพ่อ คุณแม่ แล้วบอกว่า หนูมีความสุขจังเลย…
.
แม้องค์การอนามัยโลกประกาศว่า สภาวะหมดไฟในการทำงานหรือใช้ชีวิต..เป็นโรคที่ต้องรักษา แต่เป็นหน้าที่ของผู้ป่วยที่จะต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชวิตและหายาเม็ดสุดท้ายให้เจอด้วยตนเอง
.
ยาเม็ดสุดท้ายนั้น คือ จิตใต้สำนึกที่มีความสุขจากการเข้าใจที่ถูกต้องนั่นเอง
.
เรื่องที่ควรทราบ | เราจะแยกแยะอย่างไร? ระหว่างอาการป่วยทางจิตแบบที่ควรปรึกษาแพทย์ หรือป่วยเพราะจิตเข้าใจผิดและควรมาโค้ชจูนจิตเพื่อปรับระบบจิตและ Mindset
.
1. อาการป่วยที่ควรพบแพทย์ เกิดจากสภาวะการหลั่งสารเคมีในสมองที่ไม่สมดุล จิตแพทย์จะวินิจฉัยอาการและจ่ายยาเพื่อปรับสารเคมีในสมองให้ผู้ป่วยสงบและสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้
.
2. สภาวะจิตป่วยเพราะเข้าใจผิด เกิดจากการใช้ชีวิตไม่สมหวังและไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จในแบบที่ต้องการ จิตใต้สำนึกอาจจะกลับมารู้สึกกับตัวเองว่าไม่ดีพอ ไม่มีค่า
หากสะสมความรู้สึกเช่นนี้ไปบ่อยๆจิตจะเข้าใจตัวเองผิดและเริ่มเชื่อมโยงกับระบบร่างกายเพื่อปิดการทำงานระบบอวัยวะบางส่วน เพื่อปกป้องให้เรามีชีวิตต่อไปได้(แต่จะไม่มีความสุขอีกเลย)
.
หากมีอาการเช่นนี้ ยาฝรั่งอาจจะไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับการเข้ามาปรับจูนความเข้าใจใหม่กับจิตใต้สำนึก เพื่อให้จิตคลายปมจากล็อกที่เข้าใจผิดทั้งหมด เราจึงจะใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุขครับ
โค้ชจูนจิตส่วนตัว
สอบถามโดยตรง ได้ที่ 092-361-5346, 095-636-2691, 02-046-0544
LINE : @mastercoach