การจูนจิตที่ อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข ท่านค้นพบเกิดจากการฝึกฝนจิตของท่านผ่านประสบการณ์จูนจิตตัวเองกับจักรวาล ทำให้จิตที่ได้รับการจูนไปสั่งการให้สมองเกิดการหลั่งสารเคมีในแบบเดียวกับผู้ที่ประความสำเร็จในชีวิตขั้นสูง โดยเราไม่จำเป็นต้องผ่านประสบการณ์ชีวิตที่เจ็บปวดเพื่อเรียนรู้ชีวิตจนประสบความสำเร็จ
.
แม้ว่าความรู้สึกเชื่อมั่นในตนเองที่เกิดขึ้นหลังการจูนจิตจะยังไม่ทำให้เราเข้าใจวิธีการทำงานหรือใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จทันที แต่ความรู้สึกแบบเดียวกับเศรษฐีหรือคนที่ประสบความสำเร็จ มันช่วยให้จิตไม่ตกเวลาเราเจอปัญหาชีวิต
.

.
เมื่อเราพบกับปัญหาชีวิตและจิตไม่ตก ความรู้สึกดีๆเชื่อมั่นในชีวิตจะเป็นพลังด้านบวกที่ดึงดูดวิธีการก้าวออกจากปัญหาเหล่านั้น และรู้วิธีสร้างสรรค์ชีวิตให้ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างรวดเร็วที่สุด
.
การจูนจิตเป็นวิธีการสำคัญที่สุดที่จะทำให้กฎแรงดึงดูดทำงานกับชีวิตของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
.
ที่จริงแล้ว..กฎแรงดึงดูดส่งผลต่อทุกชีวิตโดยไม่รู้ตัว เพียงแต่จิตส่วนใหญ่ที่ไม่มีสติมากพอ จะไปจูนกับความรู้สึกด้านลบจนเกิดความคุ้นเคยเพราะไม่ต้องฝืนสัญชาตญาณเดิม
.
ดังนั้น…จิตของมนุษย์ส่วนใหญ่จึงไม่ได้จูนกับพลังจักรวาลอันเป็นต้นทาง (The Source) ของความรักและเมตตาอย่างบริสุทธิ์ ซึ่งช่วยดึงชีวิตของเราให้ดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น
.

.
วิบากกรรมของมนุษย์ จึงเกิดจากการไม่สามารถถอดถอนจิตออกจากความรู้สึกด้านลบที่เป็นสัญชาตญาณฝังแน่นใน DNA ของเรา
.
ดังนั้นการจูนจิตที่ อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข ท่านค้นพบ จึงเป็นวิธีการช่วยให้จิตของมนุษย์ถอนออกจากความรู้สึกที่คุ้นเคยด้านลบและฝังแน่นเป็นสัญชาตญาณในระดับ DNA ได้อย่างง่ายดาย (ขึ้นอยู่กับระดับความลึกแห่งรอยฝังจำในระบบจิต)
.
ส่วนเหตุที่กล่าวว่า การจูนจิตในระดับที่ อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข ท่านใช้จูนจิตไม่สามารถลอกเลียนแบบได้นั้น เป็นเพราะ..ครูที่จะจูนจิตให้ผู้อื่นเข้าถึงจิตจักรวาลได้นั้น ท่านจะต้องจูนตัวเองให้เข้าถึงจิตจักรวาลในระดับลึกได้เสียก่อน
.

.
ซึ่งการจูนจิตในระดับนี้ต้องได้รับการถ่ายทอดจากครูทางจิตวิญญาณระดับสูงเท่านั้น โดยที่ อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข ได้รับการถ่ายทอดวิชาจักรวาลขั้นสูงจากท่านอาจารย์ใหญ่ เลือง มินห์ ด๋าง ครูใหญ่วิชาพลังจักรวาลชาวเวียดนาม ซึ่งท่านได้รับการถ่ายทอดศาสตร์พลังจักรวาลจากพระภิกษุดาสิรา นาราดา ชาวศรีลังกามาอีกทอดหนึ่ง
.
ดังนั้น ศาสตร์การจูนจิตจึงเป็นการต่อยอดความรู้จากคุรุ..สู่คุรุ และ อ.สถิตธรรม นำมาต่อยอดอีกครั้ง จนกลายมาเป็นการจูนจิตในระดับคลื่นความถี่จักรวาลที่จูนจิตเข้าไปถึงแหล่งพลังงานต้นทางที่เรียกว่า The Source อันเป็นต้นทางความรู้และภูมิปัญญาทั้งหมดที่มนุษย์จะได้รับการถ่ายทอดผ่านระดับความรู้สึกที่ทำให้รู้จักตัวเองในมิติที่ต่างไปจากเดิมอย่างแท้จริง
.
แม้ว่าปัจจุบัน จูนจิต กลายเป็นคำที่ใช้แพร่หลายในวงการโค้ชของประเทศไทย แต่ความหมายอันลึกซึ้งในวิถีของจิตมิอาจเรียนหรือถ่ายทอดกันได้ผ่านการอ่าน การฟัง หรือเข้าสัมมนาเพียงครั้งคราวแล้วนำไปฝึกเอง
.
ในระดับเบื้องต้น การจูนจิตเริ่มจูนความสงบหรือผ่อนคลายในระดับคลื่นความถี่ที่ไม่ถึงระดับของจักรวาล

.
แต่การจูนจิตเพื่อให้เกิดความคิดปิ๊งแว้บ กลายเป็นไอเดียสร้างสรรค์ชีวิต จำเป็นจะต้องจูนกับครูทางจิตวิญญาณที่มีความสามารถเฉพาะตน ในการนำพาความรู้สึกของโค้ชชี่ เข้าไปสู่ในระดับนั้น เพื่อพบหนทางใช้ชีวิตที่ดีกว่า ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในชีวิต
.
การ จูนจิตเหนือสำนึก จึงไม่สามารถฝึกฝนกันได้ง่าย ต้องใช้ความพากเพียรและที่สำคัญจำต้องได้รับการถ่ายทอดความรู้ทางจิตจากคุรุในระดับจิตสู่จิตเท่านั้น
.
ส่วนผู้เข้ามารับการโค้ชหรือเรียนในระบบ ยังต้องอาศัยระยะเวลาในการศึกษาและฝึกฝนเทคนิคนี้กันพอสมควร ซึงปัจจุบัน สถาบัน The Master Coach Academy มีผู้เรียนในหลักสูตรเพื่อเป็นโค้ชจูนจิตกับ อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข เพียงไม่กี่ท่านเท่านั้น ซึ่งผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นจะได้รับใบรับรองหลักสูตรในระดับสูงจากสถาบันโดยตรง
.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 092-361-5346
.
.