จากหิมาลัย สู่เอเวอร์เรสต์ และการเดินทางเหนือขีดจำกัดภายใน
Category: บทเรียน หนังสือ, เที่ยวต่างประเทศ
จากหิมาลัย สู่เอเวอร์เรสต์
โลกไม่ได้วุ่นวายเพราะคนไม่ดี แต่โลกวุ่นวายเพราะคนไม่ดีที่เข้าใจว่าตนเป็นคนดี อาจารย์สถิตธรรม เพ็ญสุข เล่าคำกล่าวของนักเขียนผู้หนึ่งที่ลึกซึ้งกินใจผมยิ่งนัก ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่และสำคัญไปกว่าการค้นพบและรู้จักตัวเองอย่างที่เราไม่เคยรู้และไม่เคยยอมรับมาก่อน
มนุษย์ทั้งหลายรวมทั้งตัวผม ล้วนวนเวียนกับความเข้าใจตัวเองผิดไปจากความจริง เราสร้างความจริงที่ทำให้พึงพอใจ แต่ความจริงระดับนั้นไม่ช่วยให้เรามีความสุขและร่ำรวยขึ้น นอกจากหลอกตัวเองไปวันๆ
เรื่องการค้นพบความจริงในตัวเอง ทำให้ผมนึกถึงประสบการณ์เดินทางสู่หิมาลัยทั้ง 4 ปีที่ผ่านมา
“ไปเที่ยวที่เดิมซ้ำ ๆ ทำไมตั้งหลายปี เสียดายเงิน!!” ผมได้รับคำถามนี้มาโดยตลอด แต่ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร และในตอนที่ผมรู้คำตอบแล้ว..ก็ไม่สามารถอธิบายได้หมดจดให้ผู้ถามเข้าใจได้อย่างที่ผมเองกำลังเข้าใจขณะนี้
ตอนที่ผมกลับไปหิมาลัยครั้งที่ 2 ช่วงบ่ายของวันหนึ่งขณะที่ทุกคนแยกย้ายไปเข้าห้องเงียบเพื่ออยู่กับตัวเองท่ามกลางหิมาลัย ผมเดินขึ้นไปบนชั้นสองของที่พักในมหาโพธิเซ็นเตอร์ เห็นอาจารย์นั่งถ่ายรูปท้องฟ้าเหนือภูเขาอยู่ลำพัง
ท่านกวักมือเรียกให้ผมเข้าไปนั่งข้างๆ แล้วกล่าวว่า “ผมถ่ายรูปก้อนเมฆกับภูเขาพวกนี้เป็นพันๆรูปแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากทำแบบนี้ แต่การลงมือทำเท่านั้นเราถึงจะได้คำตอบ”
ผมมองไปยังก้อนเมฆบางๆ ที่ลอยอยู่ข้างหน้า ก็ไม่เห็นรู้สึกอะไรสักนิด พลางคิดว่าอาจารย์คงถ่ายรูปไปเรื่อยๆ กิจกรรมนี้คงไม่เกิดอะไรขึ้นทางจิต..นอกจากได้รูปเป็นพันรูป และส่วนมากเป็นรูปก้อนเมฆที่ไม่ได้งดงามตามองค์ประกอบภาพสักเท่าไร
…เหมือนอาจารย์ท่านจะรู้ทันความคิดของผม และเอ่ยว่า
“ผมมาที่หิมาลัยเป็นครั้งที่สี่ เมื่อวานนี้ก่อนคุณเดินทางมาถึง..ผมได้สัมผัสกับจิตหิมาลัยครั้งแรก ท่านเข้ามาในจิตผมและบอกว่า..นับแต่นี้ ผมจะได้สัมผัสจิตหิมาลัยอันยิ่งใหญ่ซึ่งคุรุทั้งหลายท่านบำเพ็ญเพียรและฝากกระแสพลังงานไว้ที่นี่มหาศาล หิมาลัยคือพลังอันบริสุทธิ์แหล่งสุดท้ายของโลก เมื่อผมได้สัมผัสจิตหิมาลัยแล้ว..ชีวิตจะเปลี่ยนไปตลอดกาล สิ่งนั้นทำให้รู้ว่า..ผมเองฝึกเรื่องจิตมาเยอะมาก ยังต้องมาที่หิมาลัยถึงสี่ครั้ง แล้วคุณทำเท่าผมเหรอ ถึงคิดว่ามาแค่ครั้งสองครั้งแล้วจะสัมผัสจิตหิมาลัยได้”
ผมนั่งนิ่งและมองออกไปยังก้อนเมฆนั้นอีกครั้ง แต่คราวนี้การเห็นก้อนเมฆของผมต่างไปจากเดิมมาก ผมรู้สึกและสัมผัสอะไรบางอย่างที่เรียกว่า ความรู้สึก ได้มากขึ้น
“การมองเห็นด้วยตา กับใช้หัวใจมองคุณจะเข้าใจชีวิตต่างกัน และนี่คือเหตุผลที่เราต้องมาฝึกใช้หัวใจมองชีวิตตัวเองผ่านการเดินทางและชีวิตที่ลำบากกว่านอนอยู่บ้านเฉยๆ แต่ถ้าคุณปรารถนาความยิ่งใหญ่ของชีวิต ประสบการณ์และพลังของคุรุแห่งหิมาลัย จะหล่อหลอมคุณให้เป็นหนึ่งเดียว และคุณจะรู้อย่างลึกซึ้งได้เองว่า หัวใจที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างไร” อาจารย์กล่าว
อาจารย์พาไปที่พระราชวังเลห์ สถานที่สำคัญทางการเมืองที่ผ่านการเวลาจนเหลือเพียงความทรงจำที่ว่างเปล่า ผมเดินไปยังระเบียงด้านนอก แล้วมองออกไปเบื้องหน้าปรากฎภาพเมืองเลห์ ลาดัก ทั้งเมืองอยู่เบื้องล่าง
ทำไมวังของกษัตริย์ที่นี่จึงต้องสร้างบนเขาสูงที่ยากลำบาก ? ผมก็ได้คำตอบจากระเบียงนั้น “ใช่แล้ว ตอนที่เราอยู่สูงกว่าทุกๆคน มันเชื่อมโยงกับพลังของความยิ่งใหญ่แห่งการเป็นกษัตริย์ผู้ปกครอง” แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาว่า ถ้าเราอยากอยู่เหนือโลกเดิมๆของตัวเอง แล้วอะไรล่ะที่เราคิดว่าสูงที่สุดในโลก
คำว่า เอเวอร์เรสต์ ผุดขึ้นมาทันที!!
แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าผมไม่เพียงขึ้นไปอยู่บนเอเวอร์เรสต์ แต่ได้ขึ้นไปสูงกว่านั้นเพื่อปลดปล่อยข้อกำจัดที่ทำให้รู้สึกว่ามีบางอย่างยิ่งใหญ่และสูงกว่าจิตวิญญาณของเราเอง
โค้ชโจ้ ภัคพงศ์
จูนจิตกลางเวหาเหนือยอดเขาเอเวอร์เรสต์ – เดินทาง 6 – 12 เมษายน
รายละเอียด
เป็นคอร์สจูนจิตพร้อมการเดินไปจูนจิตรับพลังความยิ่งใหญ่เหนือยอดเขาสูงที่สุดในโลก สัมผัสอารมณ์ที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนผ่านการจูนจิตหนึ่งเดียวในโลก อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข
โค้ชจูนจิตก่อนเดินทาง
- โค้ชส่วนตัวกับทีมโค้ชเพื่อปลดล็อกและเคลียรน์ปมต่างๆเตรียมจูนจิตเอเวอร์เรสต์ 3 ครั้ง ๆ ละประมาณ 1.30 ชั่วโมง
- จูนจิตแบบส่วนตัว กับ อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข 10 นาที
- จูนจิตแบบกลุ่ม 30 นาที
- เดินทางสู่ประเทศเนปาล นั่งเครื่องบินเล็กขึ้นไปจูนจิตเหนือยอดเขาเอเวอร์เรสต์ และฝึกจูนจิตในสถานที่สำคัญอีกหลายแห่ง
สิ่งที่ได้รับ
อารมณ์ความรู้สึกเปลี่ยนไปสู่ความยิ่งใหญ่และเชื่อมั่นศรัทธาในตัวเอง ซึ่งอารมณ์นี้เป็นพื้นฐานสำคัญในการดึงดูดความมั่งคั่ง ความสำเร็จ มาสู่อาชีพการงานของเราทุกคน
สอบถามเพิ่มเติม – 092-361-5346, 095-636-2691
LINE @mastercoach