นักวิทยาศาสตร์พยายามเข้าใจสภาวะการดำรงอยู่จักรวาลเพื่อหาคำตอบว่ามนุษย์มีชีวิตเกิดขึ้นได้อย่างไรท่ามกลางจักรวาลกว้างใหญ่หาที่สุดมิได้ ส่วนผมและคุณผู้อ่านก็หาวิธีการใช้ชีวิตให้เราได้รับความสุขและสมหวังตามแรงปรารถนาที่ตั้งใจไว้
นักวิทยาศาสตร์ทำงานเพื่อตอบสนองความสงสัย ส่วนผมและคุณผู้อ่านสงสัยในตัวเองว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรเพื่อให้ไปถึงปลายทางที่เรียกว่า ความสำเร็จ
ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกใช้ชีวิตท่ามกลางความสงสัยอย่างไร
สงสัยแล้วพยายามคิดให้หายสงสัย แบบนี้ไม่ต่างกับเดินอยู่ท่ามกลางเขาวงกต แล้วจู่ ๆก็หยุดเดินแล้วเอาแต่นั่งคิดว่าทางออกมันควรจะอยู่ตรงไหนกันแน่

ส่วนคนอีกประเภทที่มีน้อยนัก คือสงสัย แต่ก็ลงมือทำ…เดินหาคำตอบ ทดลองทำไปเรื่อย ๆ การทำไปเรื่อย ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายชีวิตนั้น ตัวความสุขในขณะเดินหาทางออกจากปัญหา จะทำให้เกิดการส่งสัญญาณความสุขเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกไปพร้อมกับเป้าหมายว่า “ฉันจะหลุดพ้นจากชีวิตแบบเดิมได้อย่างไร ใครรู้ช่วยแนะนำด้วย”
ส่วนคนที่เอาแต่นั่งคิดไม่ยอมลุกขึ้นเดินเพราะความกลัว ไม่ได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ คำแนะนำ ออกไปเลย..มีแต่สัญญาณความกลัวที่บอกว่า “ฉันกลัว กลัว ไม่อยากอยู่ที่นี่” แค่ผู้อ่านลองอ่านสองประโยคนี้ก็รู้แล้วว่าใครสมควรที่จะได้รับการสนองตอบจากจักรวาลหรือคนที่มีความรู้มาแนะนำได้

เราลองมาอ่านข้อความที่ภูมิปัญญาชั้นสูงส่งมาถึง อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข เพื่อบอกกล่าวมนุษย์ทั้งหลายเกี่ยวกับปัญหาที่ทุกคนไม่กล้าออกไปใช้ชีวิตให้แตกต่างไปจากเดิมกันนะครับ : จากหนังสือเล่มล่าสุดที่วางจำหน่ายวันพรุ่งนี้
จงอย่าจมปลักอยู่กับความกลัว ความหลงใหล ลังเล หรือความรู้สึกผิด แม้แต่ความชิงชังที่อาจเคยเกิดขึ้นกับตัวเอง เพียงพวกเธอวางใจความงดงามของชีวิตอันเป็นนิรันดร์ เธอจะเข้าถึงความรู้สึกในจิตวิญญาณที่แท้จริงของเธอได้อย่างง่ายดาย
สิ่งที่ฉันอยากบอกกับพวกเธออีกครั้งหนึ่งก็คือ ขอให้เธอได้ค้นพบสภาวะความหยั่งรู้ในชีวิตอย่างแท้จริง ไม่ใช่การตกเป็นทาสของอารมณ์หรือความคิด แต่เป็นการสัมผัสกับความตื่นรู้ในหัวใจของเธอ

ฉันไม่อาจใช้ภาษาใด ๆ มาอธิบายได้ นอกจากเธอต้องสัมผัสความรู้สึกนั้นด้วยตัวเอง เพราะดวงวิญญาณของตัวเธอผ่านเข้าไปในเซลล์ ซึมซับเข้าไปในลมหายใจ และสั่นสะเทือนผ่านอะตอมหรือระบบจิตวิญญาณภายในของเธอ ซึ่งเป็นพลังงานที่มีอำนาจไร้ขีดจำกัด สั่นสะเทือนจากหัวใจของเธอ กระเพื่อมไหวจากเซลล์ชีวิตของเธอ จากอะตอมภายในของเธอไปสู่จักรวาล ทั้งหมดนี้คือการสั่นสะเทือนในระดับสติปัญญาและความตระหนักรู้ เพื่อให้เธอได้ค้นพบความล้ำลึกของจิตวิญญาณ

ฉะนั้น จึงต้องเปิดหัวใจ และต้อนรับพลังอันบริสุทธิ์ของจิตวิญญาณหรือหัวใจของเธอ เพื่อเธอจะได้ค้นพบว่าชีวิตนั้นยิ่งใหญ่ ล้ำลึก และเต็มไปด้วยความหมายที่ทำให้เธอสามารถบรรลุถึงสภาวะสูงสุดได้ด้วยตัวเอง อันเป็นจิตวิญญาณนิรันดร์ที่ฉันได้กล่าวมาเสมอ
นี่คือข้อความหนึ่งในหลายข้อความที่ส่งผ่านเข้ามาในจิต อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข ผู้ค้นพบวิธีการทำให้จิตของมนุษย์ได้สัมผัสอารมณ์ที่เหนือกว่าความเชื่อเดิมผ่านการจูนจิตเหนือสำนึก ซึ่งผมอยากสรุปไอเดียการจูนจิตเหนือสำนึกแบบเข้าใจง่ายดังนี้ครับ

สมมุติว่าคุณต้องการเป็นทหารยอดนักรบ การเรียนโรงเรียนทหารนั้นคุณย่อมได้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ต่าง ๆ แต่การจะเป็นสุดยอดนักรบนั้นจะต้องผ่านสนามรบมากพอ แต่เราต้องรอดชีวิตออกมาพร้อมประสบการณ์และการเข้าใจการรบได้เก่งขึ้นด้วย
การเอาตัวรอดจากสนามรบนอกจากความรู้และฝีมือ…ยังอาศัยโชคชะตาเป็นสำคัญ แล้วอะไรล่ะ..คือโชคชะตาที่เราต้องอาศัยในสนามรบ คำตอบคือ ระดับความเชื่อว่าคุณยอดเยี่ยมมากกว่าคู่ต่อสู้นั่นเอง
ระยะเวลาดีที่สุดในการปลูกฝังความเชื่อที่ว่านี้ คือ ก่อนเข้าเรียนโรงเรียนทหาร เพราะคุณจะเรียนเอาความรู้ต่าง ๆ บนพื้นฐานของความเชื่อที่ว่า สุดยอดนักรบได้เกิดขึ้นแล้ว เขาแค่อยู่ในระหว่างการเรียนรู้และฝึกฝนเท่านั้น
คุณจะต้องเชื่อว่าตัวเองเป็นสุดยอด…แล้วเอาความรู้สึกนั้นไปลงมือเรียนรู้และฝึกฝนวิชาการต่างๆ จึงจะกลายเป็นยอดนักรบ ยอดฝีมือในเรื่องนั้นจริงๆ
โค้ชโจ้ ภัคพงศ์
