หากการมีชีวิตอยู่เพื่อเติมเต็มความฝันให้กับผู้อื่นได้นั้น คือความไฝ่ฝันเกือบ 100% ของคนทั้งโลก ที่ มันทำให้คุณทุกคนรู้สึก ถึงความภาคภูมิใจ ราวกับว่านี่หล่ะ เรานี่แหละคือฮีโร่!!!! วู้วววววๆๆๆๆๆ ใช่แล้วดีเยี่ยม!!!! แต่พอมาดูความไฝ่ฝันของตัวเองนั้น กลับไม่สัมผัส ไม่ใกล้เคียงความสำเร็จตามไฝ่ฝันของตัวเองไว้เลย ที่อาการหนักมากๆ คือ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความไฝ่ฝันของตัวเองนั้นคืออะไร คุณทำอย่างไร?
หรับผู้อ่านที่รู้สึกว่า มีเป้าหมายของชีวิตแล้ว มีโกล์ของชีวิตแล้ว พบความไฝ่ฝันของตัวเองแล้ว (อ่านต่อค่ะ)
ลองรู้สึกตามเล่นๆ นะคะ
หากสิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่ คือ คุณเลือกใช้ชีวิตเพื่อทำฝันตัวเองให้เป็นสุข ทางนี้แหละ มันเป็นสุขที่เหนือกว่า นี่แหละมันคือที่สุดแล้ว ใช่เลย แบบนี้แหละที่ต้องการ แต่ลึกๆ คุณกลับรู้สึกว่า ชีวิตคุณไม่ได้เป็นสุขอย่างที่ฝันไว้ คุณมีความกระอักกระอ่วงอยู่ภายใน เหมือนมันขาดอะไรไปสักอย่าง (เซสิคะงานนี้!!!!) คุณจะทำอย่างไร?
แล้วถ้าในบทความการทดลองนี้ ซีจะเสนอทางเลือกที่สามของการใช้ชีวิตหล่ะคะ คือ คุณได้ใช้ชีวิตเป็นความสุขของตัวเองและคุณก็เป็นความสุขของผู้อื่นไปพร้อมๆ กันด้วย!!!!!
ทางเลือกที่คุณสัมผัสได้ถึงความสุขแบบสุดๆ สุขแบบหาคำจำกัดความไม่ได้ ราวกับคุณถึงเส้นชัยครั้งแล้วครั้งเล่า คุณกำลังได้ใช้ลมหายใจที่มีทั้งหมด พบว่า ‘ตัวตนแท้ๆ ของคุณนั้น รักและหลงไหล อะไร และได้เห็นมันเติบโตเจริญงอกงามให้ผู้คนได้สัมผัสและชื่นชมไปกับคุณ
ถ้าคุณรู้สึกแบบเดียวกับข้อความข้างบนนี้หล่ะก็!!!!
สิ่งแรกที่คุณต้องทำในตอนนี้ คือ จูนจิตกับตัวเองให้ได้ค่ะ คุณต้องเลือกที่จะรู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้ว่าคุณคือใคร ทำอะไรได้บ้างแน่ๆ คุณต้องคุยกับตัวตนของคนให้รู้เรื่องอยู่เสมอ การทบทวนวงจรจิตและการทำความเข้าใจจิตของตัวเอง เพราะนี่คือเรื่องสำคัญของการใช้ชีวิตที่เป็นสุข เรื่องสำคัญยิ่งที่จะเข้ามาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคุณค่ะ