มนุษย์ทุกคนเกิดมาเพื่อค้นหาบางสิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เราทุกคนล้วนตามหาโดยไม่รู้ตัว เรียกว่า ความเข้าใจชีวิต เพื่อรู้ว่า แท้ที่จริงแล้วเราคือใคร ทำอะไรได้บ้าง
เมื่อเราหยุดความสงสัยทั้งปวงที่มีต่อตนเอง จิตจะเข้าถึงความอิ่มเอมใจภายใน ความรู้สึกที่เรียกว่าความอิ่มเอมและร่ำรวยจะเกิดขึ้น เป็นความรู้สึกได้บรรลุถึงสิ่งที่ปรารถนาอย่างสมบรูณ์เรียบร้อยแล้ว จิตจึงหยุดการดิ้นรนแสวงหา
เมื่อจิตเข้าสู่สภาวะของความอิ่มเอมใจได้แล้ว คนผู้นั้นจะปรารถนาทำเพื่อตนเองน้อยลง จิตภายในจะมุ่งไปที่การเผื่อแผ่สิ่งต่าง ๆ ให้แก่ผู้อื่นด้วยจิตที่ร่ำรวยอิ่มเอม เกิดการทำการงานหรือสร้างธุรกิจเพื่อช่วยเหลือผู้คนจำนวนมาก
จิตที่อิ่มเอม เมื่อนำไปใช้ทำงาน…จะเกิดพลังงานความอุดมสมบรูณ์ขึ้นรอบตัว และแผ่กระจายไปกับความคิด ผลงาน สินค้า ข้อความ มันจะถูกส่งกระจายออกไปเหมือนพลังของแม่เหล็กที่จะดึงดูดสิ่งที่เราปรารถนาเข้ามาสู่ชีวิต
ผมอยากให้ผู้อ่านดูรูปนี้ครับ…
นี่คือรูปผืนดินที่ครั้งหนึ่งไม่มีใครต้องการเลย เพราะความแห้งแล้งกันดาร และท่านสังฆเสนา พระลามะชั้นสูงของธิเบตได้รับที่ดินนี้มา
ท่านรับไว้แล้วใช้ใจที่อิ่มเอมร่ำรวยของท่าน พัฒนาจนกลายเป็น Mahabodhi International Meditation Center ประกอบด้วย…โรงเรียนสำหรับเด็กกำพร้าและเด็ก ๆ ของ เลห์ ลาดัก โรงพยาบาล สถานดูแลคนสูงอายุ และสถานที่ปฏิบัติจิตสำหรับชาวต่างชาติที่เดินทางมาที่หิมาลัย
ท่านสังฆเสนา มีความใกล้ชิดกับ อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข ในมุมมองของครูทางจิตวิญญาณที่มุ่งพัฒนาจิตของมนุษย์ให้เข้าใจตนเองและมีความสุขจากภายใน ทำมาหากินอย่างสุจริตไปสู่ความมั่งคั่งร่ำรวยเพื่อให้ผู้อื่นมีความสุข โดยใช้ความรู้สึกอิ่มเอมใจเป็นเครื่องมือให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น
ไม่ว่าคุณต้องการความสำเร็จทางโลกหรือทางธรรม ต้องอาศัยความเข้าใจของจิตที่ถูกต้องเป็นฐานเดียวกันทั้งสิ้น แต่การฝึกจิตกับการใช้ชีวิตประจำวันให้ประสบความสำเร็จ กลับถูกแบ่งแยกออกจากกันอย่างน่าเสียดาย
ทำให้ผู้คนเข้าใจผิดว่า การฝึกจิตเป็นเรื่องของคนดีที่อยากพ้นทุกข์และต้องตัดขาดจากโลกและการทำมาหากิน เพราะเชื่อว่าชีวิตทำมาหากินทำให้เกิดความโลภไม่สิ้นสุด และพ้นทุกข์ยากกว่าเดิม
ทั้งที่เราสามารถเข้าถึงความร่ำรวยได้โดยไม่ต้องโลภ ด้วยการใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาดด้วยการจูนกับจิตเหนือสำนึก ซึ่งมนุษย์สามารถฝึกจิตในระดับนี้ได้สบาย
ท่านสังฆเสนา ติดตามงานของ อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข อย่างใกล้ชิด เพราะทุกปีอาจารย์จะนำคณะลูกศิษย์เดินทางไปฝึกจิตที่หิมาลัยและเข้าพักที่มหาโพธิเซ็นเตอร์ ที่ลาดัก ท่านเห็นพวกเราฝึกจิตและทำกิจกรรมต่าง ๆ และได้ผลลัพธ์ในแบบเดียวกัยที่ท่านเองใช้สอนผู้คน วิธีการแตกต่าง…แต่ผลลัพธ์เป็นหนึ่งเดียว
ไปหิมาลัยครั้งล่าสุด พวกเราได้เข้าพบท่าน และท่านได้พูดอย่างชัดเจนถึงวิถีที่เปลี่ยนไปของมนุษย์ การเรียนและฝึกฝนจิตเพื่อเชื่อมโยงกับตัวตนภายในที่แท้จริง อันนำมาซึ่งความสุขใจ
การฝึกจิตก็ต้องปรับวิธีการให้สอดคล้องกับจิตมนุษย์ที่ใช้ตรรกะ ความคิด เชิงถกเถียงกันมากขึ้น และท่านสังฆเสนา ได้บอกว่า อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข กับวิธีการฝึกฝนจิตของท่าน (จูนจิตเหนือสำนึก) เป็นวิธีสอนแนวใหม่ที่ได้ผลและเหมาะสมกับมนุษย์ยุคนี้
เมื่อวานนี้(ก่อนวันวิสาขบูชา) ท่านสังฆเสนาได้เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจ อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข ลูกศิษย์ และทีมโค้ช ที่สถาบัน The Master Coach Academy
ท่านตั้งใจที่ย้ำเรื่องนี้อีกครั้งอย่างหนักแน่่กับกลุ่มผู้ที่ร่วมสนทนาธรรมกับท่าน บอกว่า “ขอให้ตั้งใจสิ่งที่ท่านกำลังจะพูดต่อไปนี้ให้ดี เพราะเป็นเรื่องสำคัญมาก” ท่านกล่าวเช่นนี้หลายครั้ง ก่อนจะกล่าวว่า
เป็นเรื่องจำเป็นมากที่โลกและมนุษย์ต้องมีครูสอนเรื่องจิตเพราะเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบต่อชีวิตโดยตรง แต่ครูทางจิตก็มีน้อยเกินไป ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ทำให้มนุษย์ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมากขึ้นเรื่อย ๆ
วิธีการเรียนการฝึกจิตเองก็ต้องเปลี่ยนแปลงให้เหมาะกับยุคสมัยเพราะจิตของผู้คนเวลานี้เปลี่ยนไปจากเดิม ท่านว่า..วิธีการสอนของท่านเป็นแบบสืบทอดกันมานาน ส่วนวิธีการสอนของ อ.สถิตธรรม เป็นแนวใหม่ที่เกิดขึ้นเพื่อให้มนุษย์ฝึกได้ง่ายและเหมาะกับวิถีชีวิต
ท่านย้ำว่า การสอนและการฝึกของ อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข มาถูกทางแล้ว เป็นทางที่ใช่สำหรับผู้ที่กำลังฝึกฝนเพื่อพัฒนาจิตและชีวิตให้มีความสุขและประสบความสำเร็จ
คำกล่าวของพระลามะธิเบตชั้นสูง ท่านสังฆเสนา จากหิมาลัย เป็นเสมือนกำลังใจและการยืนยันภารกิจของเราทุกคน เพื่อถ่ายทอดเรื่องราว ประสบการณ์ และวิถีการฝึกจิตในแบบใหม่นี้ออกไปสู่ผู้คนเพิ่มมากขึ้น
แม้การเรียนและฝึกของสถาบัน The Master Coach Academy ไม่ได้มุ่งไปที่การหลุดพ้นความทุกข์อย่างสิ้นเชิง แต่วิธีการอันแยบคายด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า การจูนจิตเหนือสำนึก ที่ลัดสั้นเข้าสู่ประสบการณ์จิตอันล้ำเลิศโดยตรง ทำให้จิตของมนุษย์เปลี่ยนไปสู่ความนอบน้อมและอ่อนโยนได้เร็วยิ่งขึ้น
จิตที่นอบน้อมและอ่อนโยน เป็นลักษณะของจิตที่จูนกับจิตเหนือสำนึกได้ง่ายดาย เพียงเข้ามาเรียนรู้และฝึกฝนการตั้ง Mindset จากจิต(ไม่ใช่ความคิด) จากนั้นฝึกการจูนจิตเหนือสำนึกไปเรือ่ย ๆ จะเกิดความรอบรู้ที่เรียกว่า ปัญญา หรือ SQ (Spiritual Quotient) ขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากสนทนาธรรมเสร็จแล้ว พวกเราทุกคนได้ทำกิจกรรมจูนจิตเหนือสำนึกแบบง่าย (ส่วนมากผู้มาร่วมกิจกรรมเคยผ่านระบบการฝึกมาแล้วในขั้นพื้นฐาน) ด้วยการให้แต่ละคนเข้าไปกราบท่านสังฆเสนา
ขณะที่เข้าไปกราบท่านสังฆเสนา อาจารย์สถิตธรรม ท่านช่วยจูนจิตเหนือสำนึกให้แต่ละคนเข้าถึงอารมณ์ของความสุข ปีติ และซาบซึ้งได้ทันที (ปกติแล้วจะต้องทำสมาธิเป็นเวลานานมากกว่าจะเข้าถึงความรู้สึกเช่นนี้)
นี่เป็นตัวอย่างง่าย ๆ ของการจูนจิตเหนือสำนึก ที่อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข ค้นพบ และท่านสังฆเสนาให้กำลังด้วยการยืนยันว่า เป็นวิธีการอันเป็นความหวังที่จะช่วยให้มนุษย์หลุดพ้นจากความคิดด้านลบไปสู่ที่ชีวิตที่งอกงามและเบิกบานได้เร็วเหมาะสมกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป